รีวิวหนัง Things Heard & Seen แว่วเสียงวิญญาณหลอน

สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับการรีวิวหนังผีสยองขวัญกันอีกแล้วนะคะ วันนี้ผู้เขียนจะมารีวิวหนังเรื่อง Things Heard & Seen แว่วเสียงวิญญาณหลอน หนังที่สร้างมาจากนินยายชื่อดัง All Thing Cease to Appear ของ เอลิซาเบธ บรันเดจ ได้นักแสดงสาว อแมนด้า ไซย์ฟิด นางเอกหน้าสวยที่ใครหลายคนน่าจะคุ้นหน้าเธอเป็นอย่างดี มาประกบคู่กับ เจมส์ นอร์ตัน หนังระทึกขวัญฝรั่ง

ทั้งพื้นฐานเรื่องของนิยายบวกกับดาราดัง มาเจอกับการลงทุนจาก Netflix เป็นภาพยนตร์ที่โฆษณาให้เราทราบว่าเขาใช้อารมณ์ในประเภทสยองขวัญระทึกขวัญ หรือโครงเรื่องแนวหนังผีที่มีโครงเรื่องย้ายไปบ้านผีสิง ดูหนังชนโรง

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือเขานำทางเรื่องราวด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ในชีวิตแต่งงาน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร? แล้วผีในเรื่องนี้จะน่ากลัวขนาดไหน ความน่ากลัวและเนื้อเรื่องมีความน่าสนใจขนาดไหน ผู้เขียนมารีวิวให้ทุกคนได้อ่านกันแล้วนะคะถ้าพร้อมแล้วอ่านรีวิวที่ด้านล่างได้เลยค่ะ

 เนื้อเรื่องของเรื่องนี้ไม่มีอะไรใหม่จากโครงเรื่องบ้านผีสิงทั่วไป ครอบครัวที่มีความสุขย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ เรื่องราวเป็นไปตามสูตรนี้เป๊ะจนกระทั่งบ้านได้พบกับสิ่งลึกลับเหนือธรรมชาติโดยมีผีออกมาหลอกลูกสาวของนางเอกในเรื่อง

แคทเธอรีน แม่บ้านที่มีลูกสองคน แคทเธอรีนยังเห็นปัญหามากมายกับลูก ของเธอด้วย แต่เธอไม่กล้าบอกสามีของเธอ จอร์จ ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านศิลปะที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมือง

สามียืนยันว่าบ้านไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ภรรยาชอบทำตัวน่าสงสัยและมีอาการประสาทหลอนเป็นของตัวเอง เพราะเธอเป็นคนอดอาหารและกินแต่โปรตีนกระป๋องเท่านั้น และเขามักจะชอบอาเจียนหลังรับประทานอาหาร นี่คือข้อความสำคัญที่มักถูกกล่าวซ้ำๆ

จนกระทั่งใครเห็นครั้งแรกจึงเชื่อว่าการอดอาหารของแคทเธอรีนต้องเกี่ยวข้องกับการเห็นผีในเรื่องนี้ นี่อาจจะเป็นการหักมุมของหนังประเภทนี้ เนื้อเรื่องมักจะมีอะไรซ่อนอยู่มากกว่า

เรื่องราวทำให้คลุมเครือกับประวัติอันแปลกประหลาดของบ้าน ตั้งแต่เริ่มสร้าง ภาพยนตร์ทำสิ่งที่แตกต่างกัน ทำให้ดูเบลอไปหมด แม้แต่งานใหม่ของจอร์จยังรวมถึงบุคลิกเจ้าชู้ของเขาด้วย ความคลุมเครือนี้น่าจะเป็นจุดแข็งเพียงอย่างเดียวของเรื่องนี้ที่ทำให้คนติดตามจนจบเพราะอยากรู้ว่าเรื่องจริงคืออะไร ฉันต้องพูดสิ่งนี้ที่นี่ แทบไม่มีอะไรที่หนังนำเสนอจะลึกลับเท่ากับที่มันพยายามทำให้คุณคิด

เรียกได้ว่าหนังแทบจะทรยศคนดูจนหลังแทบแตกเพราะสิ่งต่างๆ ที่เรื่องราวเปิดเผย พบเจอในลักษณะที่ไม่สำคัญ น่าตื่นเต้น หรือมีจุดหักมุมใดๆ

นี่คือสิ่งที่ผู้ชมที่เรียกว่าต้องการ ผีในเรื่องมีจริงมั้ย? หนังตอบคำถามนี้ได้อย่างตรงไปตรงมา นอกจากนี้ยังทำให้คุณให้ความสำคัญกับเรื่องไสยศาสตร์อย่างจริงจัง สิ่งนี้ดูเหมือนจะหลอกผู้ฟังถึงสองครั้ง แต่พวกเขาจริงจังกับเรื่องนี้มากพอที่จะถูกเรียกว่าโง่เขลา เพราะตอนจบของเรื่องยังคงผูกติดอยู่กับจุดนี้ ทุกอย่างจบลงแบบติทส์ๆ ไปในสไตล์ศิลปะจิตรกร

สิ่งนี้รับประกันได้ว่า 99% ของผู้ชมจะเกาหัวว่าข้อความใดที่พวกเขาพยายามจะสื่อ จุดจบเช่นนี้มีประโยชน์อย่างไร? นี่มันจบยังไงเนี่ย จะต้องมีการหลั่งไหลเช่นนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีฉากหลอนหรือน่ากลัวของเรื่องที่ทำให้ตื่นเต้นหรือตกใจน้อยมาก ไม่มีอะไรใหม่ในฉากเหล่านี้ ไข่มุกอันเดียวกันเลย เช่นเดียวกับเก้าอี้โยก มีเงาแปลกๆ แวบเข้ามาในบ้าน ในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง

พยายามทำให้มันกลายเป็นแนวสยองขวัญฆาตกรรม แต่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และมันไม่น่าตื่นเต้น เพราะไม่มีฉากไล่ล่าเลย นอกจากนี้เรื่องราวก็ไม่สมเหตุสมผลในหลาย ๆ ที่

โดยพยายามเชื่อมโยงเรื่องผีเข้ากับการฆาตกรรม แต่มารวมตัวกันแบบไร้เหตุผล ไม่มีเหตุผลอะไรมากที่จะเข้าใจมัน ปรากฎว่ามีทั้งผีดีและผีเลวและช่วยเหลือคนดีและคนเลวได้ง่ายมาก

Things Heard and Seen เรื่อง ย่อ เรื่องราวของแคทเธอรีน หลังจากแต่งงานแล้วเธอต้องลาออกจากงานเป็นช่างซ่อม เธอติดตามสามีไปอาศัยอยู่อีกเมืองหนึ่งเพราะสามีของเธอเป็นครูสอนประวัติศาสตร์ศิลป์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนั้น

ทั้งสองตัดสินใจซื้อบ้านไร่หลังใหญ่ ประวัติศาสตร์หลักมีอายุย้อนไปถึงปลายศตวรรษที่ 19 เมื่อย้ายเข้ามาครั้งแรกเขามีความสุขมาก แคทเธอรีนจ้างพี่น้องสองคน ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นเข้ามาทำงานบ้าน คนพี่ดูและทั่วไป กส่วนคนน้องเธอให้เป็นพี่เลี้ยงเด็ก แต่หลังจากอาศัยอยู่ที่นั่นได้สักระยะหนึ่ง

สิ่งต่างๆ ก็เริ่มเกิดขึ้นในบ้านตามปกติ เริ่มจากลูกสาวของเธอ ฉันเห็นอะไรบางอย่างในห้องนอนของตัวเองนั่นคือเก้าอี้โยก ฉันเห็นร่างของหญิงวัยกลางคนปรากฏขึ้น ในไม่ช้า แคทเธอรีนก็เริ่มตระหนักว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องในบ้าน และรู้สึกเหมือนครอบครัวของเธอไม่ได้อยู่คนเดียว เธอเชิญเพื่อนบ้านที่เชื่อในเรื่องอาถรรพณ์

มาประกอบพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณเข้าบ้าน มันมีจิตวิญญาณอาศัยอยู่ที่นั่นจริงๆ แต่สิ่งที่แปลกที่สุดคือสามีของเธอ อาการเปลี่ยนไป โกรธ โมโห รุนแรง แล้วเริ่มไม่ไว้ใจภรรยา โดยเฉพาะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแคทเธอรีน ชายหนุ่มที่ดูแลบ้านก็ประสบปัญหาในมหาวิทยาลัยเช่นกัน และหัวหน้าแผนกของเขาเอง

เรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร? ครอบครัวของแคทเธอรีน จะสามารถจัดการกับผีในบ้านของฉันได้หรือไม่แล้วสามีของเธอจะเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ คุณสามารถไปดูต่อกันได้เองนะคะ

เรื่องราวเริ่มต้นจากสามีของแคทเธอรีน จอร์จ กล่าวว่าวิทยานิพนธ์ของเขาผ่านแล้ว สิ่งนี้ทำให้เขาย้ายไปเรียนที่วิทยาลัยเอกชนเล็กๆ ทางตอนเหนือ

ซึ่งในที่สุดเราก็เห็นแคทเธอรีนได้งานในฝันของเธอในที่สุด นั่นก็คือการซ่อมแซมภาพวาดในโบสถ์ แต่เธอเลือกที่จะย้ายและติดตามสามีของเธอมาที่เมืองนี้ ทั้งสองอยู่ในโลกศิลปะ

แต่มีบางอย่างคาวเกี่ยวกับเรื่องนี้ แคทเธอรีนมีนิสัยไม่กินอาหาร โดยเฉพาะของหวาน เธอมักจะอาเจียนออกมาอย่างลับๆ นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่สร้างบรรยากาศที่น่าสงสัย ส่วนจอร์จเขาเป็นอาจารย์พิเศษของวิทยาลัย ใครก็ตามที่เห็นภาพวาดของเขาจะเห็นว่าเขามีทักษะมากมายในออฟฟิศ

แต่น่าแปลกที่เขาปฏิเสธที่จะสร้างผลงานศิลปะอีกต่อไป แต่เขาบอกว่าเขาไม่ดีพอ ฉันต้องการเปลี่ยนแนวทางการสอนและการเขียนหนังสือ เมื่อมาถึงบ้านหลังเก่าครั้งแรกนอกจากแคทเธอรีนแล้ว ยังพบสิ่งของบางอย่างที่หลงเหลือจากอดีตอีกด้วย มักจะมีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นในเวลากลางคืนหรือในระหว่างวันซึ่งทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัว

เรากล่าวไว้ตอนต้นเรื่องว่า “การได้ยินเสียงผี” ทำให้คนรู้สึกชัดเจนว่ามีสิ่งที่เรียกว่า “ผี” ซ่อนอยู่ในบ้านหลังนี้ ซึ่งปลุกเร้าความกลัวและความสงสัยไม่น้อย แต่ยังห่างไกลจากการขยายความกลัวออกไปอีก แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ เหมือนหนังเรื่องนี้มีไว้ทำให้คนกลัว แต่นี่เป็นการครึ่งใจ

อีกส่วนหนึ่งต้องให้ความสำคัญกับสามีของแคทเธอรีนต้องสงสัยอย่างจริงจัง แถมยืมผลงานนักเขียนด้วย ยืมภาพจากปกหนังสือมาแบ่งปันความลึกลับของบ้านและสามี ผ่านตัวละครที่อยู่รอบเมือง ซึ่งทำให้เราสรุปได้ว่านี่ไม่ใช่หนังสยองขวัญ แต่นี่เป็นละครที่มีพื้นฐานมาจากความลึกลับในบ้านมากกว่า

ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเริ่มเล่าเหตุการณ์ย้อนหลัง จริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนี้กันแน่ แล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการบอกเล่าผ่านสายตาของแคทเธอรีนในขณะที่เธอต้องรับมือกับโลกรอบตัวเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจกับบ้านใหม่ของเธอ แว่วเสียงวิญญาณหลอน

ก่อนที่เหตุการณ์ประหลาดจะเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แคทเธอรีนเองไม่ได้รู้สึกหวาดระแวงหรือบ้าคลั่งเหมือนกับตัวละครในภาพยนตร์ผีสิงเรื่องอื่นๆ แต่เธอกลับพยายามค้นหาคำตอบในฐานะ “ผู้อยู่อาศัย”

โดยพยายามเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอดีตของสถานที่นั้นและ “อยู่ร่วมกัน” กับผีให้มากที่สุด มื่อหนังเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการมีอยู่ของผีในหนัง “เธอ” มาบอกแคทเธอรีนบางอย่างเพื่อเรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับคนใกล้ตัวเธอ นี่อยู่ไม่ไกล ชายคนนั้นคือจอร์จสามีของเธอผู้ซ่อนความลับมากมาย แคทเธอรีนเองอาจไม่คิดเลยว่าคนที่เธอนอนด้วยและมีลูกด้วยคือคนที่เธอคงไม่เคยรู้จักจริงๆ

คุณสามารถดูสิ่งนี้ได้เมื่อภาพยนตร์พยายามดูประวัติของครอบครัว Smith เจ้าของบ้านที่เธออาศัยอยู่เธอพบว่า “ผู้หญิง” ในบ้านตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงจากสามีของตัวเองมาหลายชั่วอายุคน และทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เหมือนเป็นเหตุการณ์ซ้ำรอย บทบาทมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่แก่นแท้ของเหตุผลยังคงเหมือนเดิม

ฉากที่ดีที่สุดในThings Heard & Seen คือฉากที่ฟลอยด์ หัวหน้าแผนกศิลป์ของมหาวิทยาลัย มาที่บ้านของจอร์จเพื่อรับประทานอาหารเย็น เข้าร่วมกับแคทเธอรีนในขณะที่เธออ่านหนังสือของฟรอยด์เรื่อง Things Heard & Seen

เกี่ยวกับการเดินทางของดวงวิญญาณสู่โลกแห่งความตาย หลังจากที่แคทเธอรีนพาฟรอยด์ไปรอบๆ บ้าน เขาก็เห็นแสงสีทองประหลาดๆ ก่อนที่เขาจะถามแคทเธอรีนว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวหรือเปล่า เมื่อฟรอยด์มองเข้าไปในดวงตาของแคทเธอรีน

ทุกอย่างก็ไหลออกมาจากตัวเธอ ราวกับว่าในที่สุดเธอก็ได้พบคนที่เข้าใจเธอแล้ว ข้อดีหลักๆอีกข้อคือ ความคลุมเครือของเนื้อเรื่อง ที่ชวนคนดูสงสัยมากๆเนี่ยแหละ แต่ก็เป็นของด้อยทันที ที่มีการเฉลยปมของเรื่องราวทั้งหมด มันจะแบบอะไรนะ เอาแบบนี้จริงๆหรอ ภาพรวมของเรื่องยังทำได้ไม่ดีมากพอ แม้จะได้ดาราสาวตัวท็อปมารับบทนำก็ตาม เป็นหนังที่น่าผิดหวังมากๆเลย

Things Heard and Seen รีวิว อย่างแรกเลยตัวของนักแสดงนำ อแมนด้า ไซย์ฟิด เชื่อเถอะว่าร้อยทั้งร้อยเปิดหนังเรื่องนี้ดูเพราะเธอคนนี้แน่นอน การเล่าเรื่องในช่วงแรกเรียกได้ว่าทำออกมาได้น่าสนใจมากเลยทีเดียว อีกทั้งภาพที่ถ่ายจากหลายมุมก็สวยงาม การย้อมสีหนังพร็อพเป็นการล้อเลียนยุคสมัยของเรื่องราว

เพลงประกอบค่อนข้างดี นักแสดงทั้งนักแสดงนำและนักแสดงสมทบก็แสดงได้ดีทุกคน สิ่งที่ทำให้ฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้จะไม่ไปไหนเลย ก็เห็นจะเป็นเรื่องของบทนี้แหละ

หนังที่ต้องเรียกว่าผิดหวังสุดๆ เพราะนี่ไม่เพียงพอที่จะหลอกผู้ชมได้ เรื่องราวยังคงน่าเบื่อและเชื่องช้า ตั้งแต่ต้นจนจบและจบลงแบบ เห้ยแบบนี้จริงดิ ทำให้ผู้ชมเกาหัว ไม่รู้ว่านิยายดีๆจะเป็นแบบนี้หรือเปล่าหรือมีรายละเอียดมากกว่านี้

แต่หนังเวอร์ชั่นนี้กลับล้มเหลวอย่างน่าอนาถในทุกด้าน ภาพยนตร์บางเรื่องจะทำให้คุณตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่น่าจดจำ เชิญชวนสืบหาสาเหตุต่างๆ ที่ทำไม่หมด สุดท้ายแล้ว มันก็เป็นแค่หนังที่ฉันชอบดู แค่ฆ่าเวลา

.ในส่วนของคะแนนเรื่องนี้ผู้เขียนให้ 6/10 ถ้าเอาในแง่ของความหลอนจิตตก เรื่องนี้ก็พอตอบโจทย์คนดูได้อยู่บ้าง ถือเป็นหนังที่เอาไว้ดูเวลาว่างๆ เบาสมองหน่อยแม้จะเคลมว่าเป็นหนังผี แต่ยังไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงเลย เอาเป็นว่าอ่านรีวิวนี้จบก็เข้า Netflix แล้วไปหาดูเรื่องนี้ว่าเป็นตามรีวิวไหมนะ