สวัสดีค่ะกลับมาพบกลับรีวิวหนังระทึกขวัญเอเชียกันอีกครั้ง ซึ่งกลับมาในวันนี้ผู้เขียนจะขอมา รีวิวหนัง Unlocked (2023) แค่ทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ และนี่เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญสัญชาติเกาหลีใต้ที่เพิ่งจะลง NETFLIX เมื่อช่วงวันที่ 17 ก.พ. ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา รวมทั้งได้รับการถูกเอ่ยถึงเป็นอย่างมากในขณะนี้ โดยสาเหตุมาจากที่หนังมาในแนวตื่นเต้น ถูกรสนิยมผู้ชมในประเทศไทยอีกด้วยค่ะ ด้วยเรื่องราวใกล้ตัวที่ว่าด้วยการติดมือถือ จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นภัยร้าย โดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นหนังที่ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขมากมายจากมังงะประเทศญี่ปุ่น แล้วก็เคยถูกสร้างเป็นหนังญี่ปุ่นมาแล้วในชื่อ Stolen Identity เมื่อปี 2018 พอมาเป็นเวอร์ชันเกาหลีใต้ ก็ได้มอบหมายให้ คิม เทจุน สมัยก่อนนักแสดงที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับได้ลองมือเป็นเรื่องแรก ซึ่งเดิมทีทางค่าย CJ ผู้ผลิตคิดแผนไว้ว่าจะฉายในโรงหนัง แต่ว่าไม่เคยรู้ด้วยเหตุผลกลใด ถึงกลับใจย้ายมาลง NETFLIX เสียแทน แม้กระนั้นก็ได้รับผลตอบรับดี หนังเข้าชาร์ตอันดับแรก ๆ โดยทันทีหลังจากเปิดตัวเพียงแค่ไม่กี่วันเองค่ะ
รีวิวหนัง Unlocked (2023) เมื่อความน่ากลัวจากภัยอันตรายอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ
รีวิวหนังระทึกขวัญ ภาพยนตร์เรื่อง Unlocked เป็นหนังปริศนาระทึกขวัญ สมจริงเชิงจิตวิทยา เล่าถึงคดีอาชญากรรมที่มีจุดเริ่มแรกจาก แนวทางการทำโทรศัพท์มือถือหาย ด้วยเรื่องราวที่เข้ายุคทันสมัยเป็นอย่างมาก ใกล้ตัวสุด ๆ รวมทั้งด้วยสารพัดสารพันหน้าที่ใช้งานเกินคำว่าโทรศัพท์ไปไกล ทำให้สมาร์ทโฟนมักอยู่ติดมือตลอดระยะเวลา มีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมชีวิต ทุกสถานะการดำรงชีวิตรวมทั้งเรื่องเฉพาะบุคคล ล้วนมีข้อมูลอยู่ในนั้นทั้งหมด
ประเด็นในหนังนี้ก็เลยเสนอมุมมอง สะท้อนความเป็นดาบสองคม ของการใช้โทรศัพท์มือถืออีกด้านที่บางทีอาจนำเหตุร้ายมาสู่ชีวิตได้ ถ้าหากไม่รู้จักระมัดระวัง การปลดล็อคโทรศัพท์ไม่ดูตาม้าตาเรือให้คนอื่น ก็ไม่ได้มีความแตกต่าง จากการเปิดประตู ให้ผู้อื่นก้าวเข้ามาบ้านพวกเราได้ แล้วก็ถ้าเกิดผู้ที่ตั้งใจต้องการเข้ามาเป็นผู้ร้ายโรคจิตด้วยแล้วล่ะก็… ถึงกับขนาดเป็นหายนะชีวิตได้เลยเชียวหละ ดูหนัง4k
เรื่องย่อในภาพยนตร์
อีนามี (รับบทบาทโดย ชอนอูฮี) เป็นบุคลากรการตลาดของบริษัทสตาร์ตอัปแห่งหนึ่ง เธอมักแวะเวียนไปช่วยงานที่ร้านค้าขายน้ำดื่มของพ่อบ้างเป็นบางครั้งบางคราวยามที่ว่าง ชีวิตก็ไม่มีความต่างจากคนธรรมดาทั่วไปที่ขยันตั้งอกตั้งใจทำงาน สนุกสนานพบปะกับเพื่อนพ้องหลังงาน เอ็นจอยบนโลกโซเชียล เรียกง่ายๆว่าเป็นคนติดมือถือเสมือนที่พวกเรามองเห็นๆคนยุคนี้เป็นกันนั่นแหละ
และก็แล้วคืนวันหนึ่งเธอก็ทำโทรศัพท์ร่วงหล่นหายบนรถเมล์ระหว่างเมากลับไปอยู่ที่บ้าน มารู้ตัวอีกทีพร้อมการหายเมาในพรุ่งนี้ และถัดมาก็พบว่ามีผู้ที่เก็บโทรศัพท์ได้นั้นเป็นเสียงผู้หญิง คนภายในสายแจ้งเธอให้ไปรับได้ที่ร้านซ่อมแซมเนื่องจากว่าเกิดพลาดทำเครื่องตก จอเลยแตก โดยได้จัดการค่าใช้จ่ายให้เสร็จสรรพแล้ว
ที่ร้านซ่อมแซมโทรศัพท์ เธอจำเป็นต้องให้รหัสปลดล็อคเครื่องกับช่างเพื่อดำเนินการ ใช้เวลารอไม่นาน เธอก็ได้รับโทรศัพท์ของเธอกลับไป แต่ว่านั่นเป็นจุดกำเนิดของการเปิดประตูให้มิจฉาชีพไปสู่เซิร์ฟเวอร์ข้อมูลชีวิตของเธอ รวมทั้งกลายเป็นสตอล์คเกอร์ตามส่องเธอทุกฝีก้าวผ่านกล้องถ่ายรูปหน้าของเครื่องนับจากนั้นเป็นต้นมา
ช่างมิจฉาชีพผู้นี้ชื่อว่า โอจุนยอง (รับบทบาทโดย อิมชีวาน) เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถติดตามปะติดปะต่อข้อมูลชีวิตจากในโทรศัพท์และก็สื่อโซเชียลของเธอ รู้หมดอย่างกับเป็นเจ้าของเครื่องเสียเอง ปัญหาอาชญากรรมที่ตามมา ไม่ใช่เรื่องปล้นเงินในบัญชีหรือรุกล้ำเข้าบ้านเพื่อทรัพย์สินของเหยื่อ แต่ว่าจุนยองเป็นคนมีปมโรคจิตที่ก่ออาชญากรรมในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้งแล้ว ด้วยเป้าหมายจุดหมายเป็นการฆาตกรรม กว่าอีนามีจะรู้ตัวรู้ดีว่าตกอยู่ในอันตราย ก็ทำเอาคนใกล้กันของเธอ ดังเช่น พ่อ (สวมบทบาทโดย พัคโฮซาน) หรือ เพื่อนซี้ (สวมบทบาทโดย คิมเยวอน) ได้รับผลกระทบไปด้วย
ในระหว่างที่มีตำรวจ อูจีมัน (รับบทบาทโดย คิมฮีวอน) รอตามสืบคดีการฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้น โดยพ่วงจุดมุ่งหมายบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวด้วย เขาจะสามารถไขคดีรวมทั้งช่วยอีนามีให้พ้นอันตรายถึงชีวิตได้ทันเวลาหรือเปล่า จะต้องไปตามดูค่ะ
พล็อตเรื่องที่พลิกผันและระทึกใจ
หนังเปิดเรื่องด้วยคดีการฆาตกรรมที่หาต้นเหตุการตายไม่ได้และก็มีเบาะแสโยงไปที่อูจุนยองลูกชายที่หายตัวไปของสายสืบอูจีมัน แล้วก็ตัดเข้าแก่นหลักของเรื่องหรือต้นเหตุสาเหตุของการเกิดอาชญากรรม โดยเริ่มจากวิธีการทำโทรศัพท์มือถือหายบนรถเมล์ของอีนามี ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของความตื่นเต้น เค้าโครงเรื่องมีการกล่าวถึงเอาเรื่องราวในชีวิตประจำวันมาถ่ายทอด ซึ่งจำเป็นต้องพูดว่าเกิดเรื่องที่เห็นได้รอบๆตัวเลยนะเกี่ยวกับความประพฤติการใช้โทรศัพท์มือถือ พูดได้ว่าถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดิบได้ดี
ถ้าหากดูในแง่ของพล็อตบท และก็ความเป็นงานดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขมาจากหนังและนวนิยายญี่ปุ่นเรื่อง Stolen Identity เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ก็เลยเกิดเรื่องที่รู้ๆกันอยู่แล้วในโลกความเป็นจริงวันนี้ เนื้อหาหลักๆจึงอาจคาดการณ์ได้ง่ายๆ ไม่ตื่นเต้นนัก แต่ว่าจะต้องยกความดีงามให้กับผู้กำกับซึ่งสามารถเล่าออกมาได้น่าเร้าใจระทึกเสียววูบดี ด้วยภาพและซาวน์ที่ได้โอกาสบิวด์จังหวะลุ้น รวมทั้งเข้าถึงอารมณ์ เสริมด้วยลีลาท่าทางหน้าจิตๆของ อิมชีวาน รวมทั้งความตื่นตระหนกกลัวของ ชอนอูฮี
นอกเหนือจากนี้ งานกราฟฟิกเล่าไลฟ์สไตล์ของชีวิตบนโทรศัพท์ รวมทั้งวิธีการใช้ภาพเหมือนจริงบนหน้าจอโทรศัพท์แทนสายตาสตอล์คเกอร์ก็ทำเป็นน่าดึงดูด แปลกตาไปจากแบบเดิมๆที่เคยได้เห็นมา ยิ่งเมื่อบอกว่านี่เป็นงานเดบิวท์ของผู้กำกับ ก็จัดว่าสอบผ่านเลยแหละ
บางครั้งก็อาจจะเป็นด้วยเหตุว่าหนังแบบ Unlocked เรื่องนี้นั้นเป็นหนังจำพวกหนังเกาหลีเคยสร้างออกมาแล้วเป็นประจำมองเห็นได้แทบทุกปี มันก็เลยไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่อะไรอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าหนังจะหยิบเอาใจความสำคัญอาชญากรรมไซเบอร์ขึ้นมาเกิดเรื่องราวหลักสำหรับในการเล่าเรื่องนั้น แม้กระนั้นทุกสิ่งเป็นไปด้วยพล็อตสูตรสำเร็จที่ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว
ส่วนของฉากและโปรดักชั่น
เอฟเฟคแล้วก็การตัดต่อภาพทำออกมาได้ดีมากเลยเชียวค่ะ ไหลลื่นไปกับการดำเนินเรื่องมีความลุ้นระทึก การใช้ภาพแล้วก็สีเพื่อลดภาพความร้ายแรงหรือใช้มุมกล้องสำหรับเพื่อการช่วย อย่างซีนของการเจอศพที่ถูกฝังไว้กลับพบว่านิ้วของคนตายถูกตัดทิ้ง หรือซีนการตามติดชีวิตของอีนามี ก็ทำออกมาได้ดิบได้ดีเช่นกันจ้ะ เป็นภาพที่มองสมจริงสมจังเสมือนถูกติดตามด้วยกล้องตัวเดียวจริงๆเลย แต่ว่าขึ้นให้มองเห็นอีกทั้งภาพ เสียง เนื้อความ ซึ่งถ้าเกิดมีเรื่องราวแบบงี้ในชีวิตจริงก็คงจะน่าขนลุกมากมายๆด้วยเหมือนกันค่ะ
ส่วนของฉากแสงสีเสียง รวมถึงแนวทางต่างๆที่หนังเอามาใช่สำหรับเพื่อการพรีเซ็นท์นั้น ก็มิได้แปลกใหม่เหมือนกัน มุมกล้องที่จุดโฟกัสตามติดที่โทรศัพท์มือถือและหน้าจอหน้าโทรศัพท์ มิได้เป็นเคล็ดวิธีที่ทำให้เกิดความรู้สึกละลานตาอะไรเท่าไรแล้วเหมือนกัน หากว่าบรรยากาศโดยภาพรวมของจะสร้างสถานการณ์ออกมาได้ออกจะบีบบังคับและก็ระทึกใจอยู่บ้าง แต่ว่าก็เสมือนจะยังทำเป็นออกมาไม่สุด ด้วยเหตุผลที่ว่ามันค่อนข้างจะซ้ำๆซากๆไปสักนิดสักหน่อย
การแสดงของกลุ่มนักแสดงก็จัดว่าทำได้ดี แต่ว่าไม่มีอะไรโดดเด่นรวมทั้งรู้สึกเชิญชวนว้าวมากสักเท่าไรนัก เพราะว่าดูราวกับว่านักแสดงก็มาพร้อมกับบทเดิมๆของพวกเขาที่ต่างก็เคยถ่ายทอดหน้าที่สไตล์นี้มาจากผลงานก่อนๆมากันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น “อิมชีวาน” ที่มาสวมบทบาทเป็นฆาตกรแอบจิตในประเด็นนี้อีกแล้ว พวกเราทราบว่าเขาเป็นนักแสดงที่ถ่ายทอดบทนี้ออกมาได้ขิงสุดๆ
แต่เราก็เคยประทับใจเขาจากผลงานเรื่องก่อนหน้าที่ผ่านมาของเขามาก่อน อย่าง Emergency Declaration พอมาถึงประเด็นนี้ก็เลยไม่มีอะไรบ้างในน่าจดจำได้มากสักเท่าไหร่ ด้วยเหตุว่าบทบาทค่อนข้างจะซ้ำไปนิด เหมือนกับ “ชอนอูฮี” ที่บทในหนังตื่นเต้นอย่างนี้แปลงเป็นอะไรที่ซ้ำซากกับคุณมากมายไปแล้ว ต้องการที่จะให้ไปรับงานสไตล์โรแมนซ์ใสๆดูบ้าง เนื่องจากก็เป็นอีกทีที่เธอเล่นได้ดี แต่ว่าบทออกจะซ่ำจากผลงานเก่าๆของตัวเองอีกที
วิวหนัง Unlocked (2023) สิ่งที่ประทับใจในภาพยนตร์
เป็นฉากนาทีชีวิต เมื่ออีนามีจำต้องเลือกระหว่างพ่อกับตัวเองที่พักผ่อนจมอยู่ในอ่างน้ำ คนไหนกันจะเป็นผู้มีชีวิตรอด บอกเลยว่าเป็นฉากที่ลุ้นใจหายใจคว่ำเลยล่ะค่ะ โครงเรื่องเล่นแง่กับความรู้สึกของผู้ชมทำเอาขวัญหายวาร์ป แม้กระนั้นในที่สุดก็จะต้องมาลุ้นนาทีชีวิตพ่อของอีนามี เมื่อผู้ร้ายที่รังควานพ่อของเธอกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรแถมยังยิ้มสุขสบายต่อหน้าต่อตาเธอ ทำให้เธอลั่นไกลใส่จุนยองเพื่อแลกกับชีวิตพ่อของเธอ
สำหรับผู้ใดที่ถูกใจดูหนังการฆาตกรรมระทึกขวัญ คงจะจับสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้ได้ ถ้าหากเรื่องไหนคนร้ายยิ่งโหดเหี้ยมหนังยิ่งมีความลุ้นระทึกมากยิ่งขึ้น แต่ว่า UNLOCKED ก็ดูเหมือนจะพยายามฉีกตนเองออกมาจากสูตรสำเร็จนี้ หนังเปิดเผยให้มองเห็นแต่ความรู้ความเข้าใจของจุนยองสำหรับในการใช้โทรศัพท์มือถือ แต่ตลอดเรื่องพวกเราไม่ได้มองเห็นจุนยองลงมือกับเหยื่อรายใดเลย มองไม่เห็นเหยื่อรายก่อนหน้านามิ มีแต่ภาพศพที่ถูกขุดพบเพียงเท่านั้น
ซึ่งเมื่อหนังดำเนินไปถึงฉากจุดไคลแมกซ์ พวกเราก็ยังคงได้มองเห็นแต่รอยยิ้มของจุนยองที่ได้เล่นบันเทิงใจกับเหยื่อ แต่ว่าก็ไมได้มองเห็นถึงความทารุณโหดร้ายไร้มนุษยธรรมอย่างที่หนังได้กล่าวถึงเหยื่อก่อนหน้านี้ของเขา มันก็เลยกลายเป็นว่าความเพลิดเพลินของ UNLOCKED คือการได้มองเห็นความรู้ความเข้าใจของจุนยองที่สนุกกับการกลั่นแกล้งนามิ แต่ไม่ได้รับความระทึกกับการไล่ล่าอย่างที่ควรมีในหนังแนวนี้ ใช้คำว่า “เป็นหนังฆาตกรต่อเนื่องที่แทบจะไม่มีเลือดให้เห็น” เลยก็ว่าได้
ก็เลยแปลงเป็นหนังตื่นเต้นที่เล่าไปแบบยั้งๆได้มองเห็นความรู้ความเข้าใจด้านเทคโนโลยีของคนร้ายมากยิ่งกว่าความเถื่อนของเขา พอถึงนาทีที่นามิรู้ตัวตนที่จริงจริงยุนจอง แล้วได้เจอหน้ากัน โทนความระทึกของหนังก็ดคอยปลงไป ด้วยเหตุว่าไม่มีเรื่องเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เป็นจุดขายหลักของหนังเข้ามาเกี่ยวพันแล้ว แล้วตลอดชั่วโมงกว่าก่อนหน้าที่ผ่านมาพวกเราก็มิได้มองเห็นความป่าเถื่อนของจุนยองเลย
จุนยองของอิมชีวานก็เลยเป็นตัวร้ายของเรื่องที่โรคทางจิตแต่ว่าไม่น่ากลัว กระทั่งไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นต่อชะตาชีวิตของเหยื่ออย่างที่ควรจะ เปรียบแบบอย่างใกล้ๆกัน กับคนร้ายใน “คืนฆ่าไร้เสียง” (Midnight) หนังเกาหลีใต้เช่นเดียวกัน รายนั้นน่าขนลุกกว่ามากมาย ดูแล้วยังจะต้องลุ้นกับเคราะห์กรรมของเหยื่อ
บทสรุปโดยรวม
และนี่คือภาพยนตร์เกาหลีที่ดูแล้วสนุกสนาน ลุ้นระทึกกับการกระทำจิต ๆ ของผู้ร้ายที่ทำกับเหยื่อผ่านการแฮ็กมือถือที่ผู้แสดงนำทำตกไว้ โดยมีปมบาดแผลในจิตใจเป็นเหตุเป็นผลสะท้อนสังคมให้เชื่อได้ว่าผู้ร้ายโรคจิตแบบงี้มีได้อันที่จริงแล้วยังช่วยทำให้ตระหนักถึงภัยร้ายของการเสพติดฝากชีวิตไว้กับมือถือด้วยเหมือนกัน แม้กระนั้นตัวเรื่องไม่ได้มีฉากการฆาตกรรมให้เห็น แม้ว่าจะวางตัวเป็นแถวสอบสวนการฆาตกรรมตั้งแต่ตอนแรกก็ตาม ซึ่งก็อาจจะส่งผลให้ผู้ชมที่คาดหวังพวกฉากโหดเหี้ยมไล่ฆ่าจะต้องผิดหวังอยู่บ้าง รวมทั้งพาร์ทสอบปากคำของตำรวจที่มองเว่อร์ๆไม่สมเหตุผลเท่าใดนัก
ภาพยนตร์เรื่องนี้จบด้วยภาพฟุตเทจผู้คนบนท้องถนน ที่ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาจดจ่ออยู่กับจอโทรศัพท์มือถือ เช่นเดียวกับเป็นการกระตุ้นให้ฉุกคิดว่า ถ้าเกิดมีบุคคลที่เชี่ยวชาญโทรศัพท์มือถือแล้วเป็นฆาตกรโรคจิตอย่างจุนยองขึ้นมาจริงๆล่ะ จะน่าสะพรึงกลัวเพียงแค่ไหน แล้วพวกเราจะปกป้องกันอย่างไร ซึ่งวันนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย เนื่องจากพวกเราๆเองก็พบเจอกับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์กันอยู่ทุกวี่ทุกวันๆซึ่งคนกลุ่มนี้ก็จัดว่าช่ำชองเทคโนโลยีมือถือเพียงแต่พวกนี้มุ่งไปที่เงินในบัญชี ยังมิได้ประสงค์ร้ายฆ่าใครอย่างที่จุนยองทำ แต่ว่าก็ไม่ได้แสดงว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นจริง เพราะเหตุว่า UNLOCKED นี่ก็เปรียบได้เสมือนดั่งเรื่องจำลองที่ถูกเตือนสติขึ้นมาโดยประเทศผู้สร้างโทรศัพท์มือถืออันดับ 1 ของโลกเองเลย
เอาเป็นว่าโดยภาพรวมของหนังเรื่อง Unlocked ก็จัดได้ว่าเป็นหนังระทึกขวัญที่สะท้อนมุมมองปัญหาของอาชญากรรมไซเบอร์ในสังคมปัจจุบันนี้ การเล่าเรื่องค่อนข้างไหลลื่นดี และก็สามารถบังคับอารมณ์ผู้ชมได้ดี เพียงแต่ว่าแอบเสียดายไปสักนิด เพราะว่าหนังแนวๆนี้ที่ประเทศเกาหลีก็มีสร้างออกมาแทบทุกปี ก็เลยกลายเป็นส่วนประกอบที่เต็มไปด้วยความซ้ำเดิม มีเรื่องมีราวอื่นที่ยังชวนตื่นเต้นได้กว่านี้ แม้นักแสดงจะเล่นได้ดีทุกคน แต่ว่าบทบาทก็ซ้ำเดิมอย่างไม่น่าสนใจนัก
ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าเค้าโครงเรื่องเข้าใจง่าย มีข้อคิดให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือไว้เตือนภัยเงียบ ที่อยู่รอบตัวพวกเรา นอกนั้นยังมีความสนุกสนานเข้มข้น แบบระทึกขวัญให้น่าติดตาม ขนาดดูจบไปแล้วพวกเรายังคาใจอยู่เลยนะคะว่าสรุปแล้วโอจุนยองเป็นลูกชายของสายสืบอูจีมันใช่หรือเปล่ากันแน่ เป็นเรื่องราวของอีนามีหลังจากชีวิตของเธอถูกติดตามตลอด 1 วัน ชีวิตของเธอเริ่มเปลี่ยนไป ผู้คนที่เธอรักเริ่มถอยห่างรวมทั้งเลิกคบกันไปจนใจหาย อีนามีจะทำเช่นไรต่อไปกับโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่เธอได้รับอย่าลืมไปติดตามดูกันนะคะ