สวัสดีค่ะและในวันนี้เราจะมา รีวิวหนัง Renfield เรนฟิลด์ เป็นภาพยนตร์สยองขวัญแนวแอ็คชั่นคอมเมดี้ หนังชนโรง การเผชิญหน้ากับความสัมพันธ์ Toxic ระหว่างท่านเคาท์แดร็กคูล่า กับข้ารับใช้คนโปรด สร้างโจทย์ปัญหาของการต้องการมีชีวิตในแบบฉบับของตนเองเลือกเดิน
ผสมผสานเนื้อหาเกินบรรยายทั้งรสชาติเข้มข้นของกลิ่นคาวเลือดสยองขวัญ และความฮาไม่จำกัด เต็มอิ่มไปกับเสน่ห์ของการวางโครงเรื่อง และกุญแจหลักของปัญหาที่สามารถนำมาใช้กับชีวิตจริงได้
ถ้าหากคนไหนที่อยากรู้ว่าหนังเรื่องนี้ จะจบลงแบบไหน ? บทสรุปสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร ? มาติดตามรับชมการแนะนำรีวิวไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้ได้เลยค่ะ ระทึกขวัญฝรั่ง
รีวิวหนัง Renfield เรนฟิลด์ เรื่องย่อ
โดยเล่าเรื่องราวของ เคาท์แดร็กคูล่า และข้ารับใช้ผู้ภักดีของเขา เรนฟิลด์ เขานั้นต้องคอยช่วยเหลือ และจัดหาเหยื่อมาให้กับแดร็กคูล่า เนื่องจากเขาไม่สามารถทำมันด้วยตนเองได้ เรนฟิลด์ ต้องคอยรับฟังคำสั่งต่าง ๆ และทำตามบัญชาที่ไม่สามารถเอ่ยปากแย้งได้
แม้ว่าจะยากลำบากและน่าอับอายมากแค่ไหนก็ตาม ทว่าเรื่องราวทั้งหมดกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเขานั้นพร้อมแล้วที่จะก้าวออกมาข้าวหน้าค้นหาเป้าหมายชีวิตของตนเอง นอกเหนือจากการอยู่ภายใต้เงาของเจ้าชายแห่งรัตติกาล
หนังมันเล่าเรื่องราวชีวิตของทาสผู้ภักดีมาหลายร้อยปี ที่รู้สึกชีวิตมาถึงทางแยก อยากจะแยกตัวออกจากท่านเคาน์เสียเหลือเกิน แต่เพราะพันธะสัญญาที่ทำกันไว้
บวกกันกับถ้อยคำหว่านล้อมที่ท่านเคาน์ก็เก่งกาจเหลือเกินในการมองลึกเข้าไปในจิตใจของเขา
แล้วก็อาจจะผสมกับการที่เขาได้พลังราวกับยอดมนุษย์หลังกินแมลงเข้าไป ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกอิ่มเอิบใจอย่างมากที่ได้ช่วยผู้คน ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ในสายตาคนอื่น
พอไม่ได้ดูหนังแวมไพร์-แดร็กคูล่ามานาน เมื่อได้มาเจอก็เหมือนกับพบเจอสิ่งแปลกใหม่ ตำนานจะว่าไว้อย่างไรไม่ต้องไปสน
หนังเรื่องนี้ไม่ได้เล่าเรื่องอะไรที่น่ากลัวแบบนั้นหรอก ตรงกันข้ามมันตั้งใจจะขยับมามองมุมใหม่ ใส่ความจริงจังเข้าไปในหนังสยองขวัญ
ด้วยการบอกเล่าถึง ความสัมพันธ์ที่เข้าขั้นท็อกซิก (Toxic Relationship) ที่ตัวละครยังคงยึดติดอยู่กับมัน แม้จะรู้ตัวว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น แต่เขาก็ยังพาตัวเองออกมาไม่ได้สักที
อีกส่วนหนึ่ง มันก็เล่าไปถึงการมองเห็นคุณค่าในตัวเอง ซึ่งตรงนี้ นายแพทก็ค่อนข้างจะชื่นชอบมากหน่อย
ชื่นชอบในเคมีระหว่างเรนฟิลด์ (ที่แสดงโดย นิโคลัส โฮลต์) กับตำรวจหญิงควินซี่ (ที่แสดงโดย อควาฟิน่า) เป็นสองตัวละครที่มองเห็นด้านดีของกันและกัน
และพวกเขาก็รู้สึกดีต่อกัน ต่างฝ่ายต่างก็ให้กำลังใจกัน ซึ่งมันดีมากเลย มันทำให้คนที่ไม่เชื่อมั่นได้มองเห็นคุณค่าของตัวเอง และอาจเป็นแรงผลักดันให้เขาทำสิ่งดีๆ นั้นมากขึ้นอีก
การดำเนินเรื่อง
ทีแรก เราก็เข้าใจว่ามันเป็นหนังสยองขวัญที่ใส่เรื่องดราม่าของชายผู้เป็นทาสรับใช้ส่งของกิน(ที่เป็นมนุษย์)ให้กับแดร็กคูล่า แต่ที่ไหนได้ นี่มันเป็นหนังสยองขวัญที่ร่ำรวยความตลกขบขันเลยนี่หว่า
เริ่มออกมาด้วยการเล่าเรื่องราวที่มาที่ไปของข้ารับใช้ และก็ท่านแดร็กคูล่าอย่างตลกในโบสถ์แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะออกมาทำภารกิจล่าเหยื่อให้กับท่านแดร็กคูล่า
เริ่มจุดประกายความสยองขวัญในเฉียบพลัน ก่อนที่จะดำเนินรายละเอียดสร้างเงื่อนของเรื่องที่เชื่อมต่อกันในจุดต่างๆ
และก็ผูกความข้องเกี่ยวของผู้แสดงให้เข้ามาเกี่ยวข้องกันระหว่าง ควินซี่ แล้วก็ เรนฟิลด์ ซึ่งคุณนั้นทำให้ เรนฟิลด์ ได้กลับมาเบิกบานใจอีกรอบ พร้อมผองสหายนักแสดงที่มาเสริมความมั่นใจและความเชื่อมั่น
และก็ข้อคิดเตือนใจสำหรับในการดำรงชีวิตของตนไม่ต้องอยู่ภายใต้ความข้องเกี่ยว Toxic แม้กระนั้นเมื่อเขาเลือกที่จะก้าวออกมา ปัญหาระหว่างเขารวมทั้งท่านเคาท์แดร็กคูล่านั้นยิ่งแย่ลงกว่าเดิม
แต่ปมของทั้งยัง 2 นักแสดงหลัก ยังเชื่อมมายังนักแสดงอย่าง ควินซี่ ที่คุณนั้นจำเป็นต้องต่อสู้และก็ท้าอำนาจของคนที่อยู่สูงขึ้นยิ่งกว่า
และไม่สามารถปฏิบัติตามความถูกต้องแน่ใจได้เสียทั้งหมดทั้งปวง โดยเรื่องราวของพวกเขาบังเอิญมาไปสู่จุดไคลแมกซ์อย่างเร็ว
ระหว่างการต่อสู้ของผู้กุมอำนาจ และก็คนที่อยากมีอิสรภาพ ซึ่งมีลำดับการวางรายละเอียดค่อนข้างจะมีท่วงที แล้วก็ไต่ระดับอารมณ์ได้อย่างเหมาะควร
มีการสร้างปมพื้นเพของนักแสดง แล้วก็ความรู้สึกของผู้แสดงนั้นๆไต่ไปถึงตอนจุดไคลแมกซ์ และก็เบาๆไหลลงมาสู่การคลายเงื่อนของรายละเอียดทั้งผอง
พร้อมไปกับการสอดแทรกแง่คิดการใช้ชีวิตภายใต้อำนาจบุคคลอื่นที่พวกเราไม่สามารถที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเองได้ โน่นก็เลยทำให้พวกเรายึดติด
และไม่กล้าดำเนินชีวิตของตน แต่ชีวิตของพวกเราสามารถเลือกทางเท้าเองได้ ถึงแม้จำเป็นต้องต่อสู้กับปัญหาก็ตาม
ฉากและโปรดักชั่น
การแสดงของนักแสดงหลักสำหรับเรนฟิลด์ ส่งผ่านอารมณ์ความเกรงกลัว ความไม่กล้าสู้กับปัญหาได้เป็นอย่างดี
พร้อมปรับอารมณ์การแสดงในแต่ละช่วงปมปัญหาออกมาได้อย่างน่าทึ่ง เขาสามารถถ่ายทอดผ่านทั้งสายตา และสีหน้าการแสดงได้เป็นอย่างดี ด้านแดร็กคูล่า ทำให้เราได้เกรงกลัวเหมือนกัน
เพราะทั้งความโหดร้าย เจ้าอารมณ์เป็นภาพติดตาที่น่าสะพรึงกลัว ด้านนักแสดงสมทบเข้ามาเสริมอารมณ์ได้อย่างเพลิดเพลิน
แม้ในบางช่วงบางตอนการดำเนินเรื่องจะค่อนข้างไวไปบ้าง ไม่สามารถสัมผัสสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครได้อย่างสมบูรณ์ มีเพียงภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นมาแล้วเท่านั้น
ในส่วนของการถ่ายทำมีการวางฉาก และโทนสีที่ดีพอสมควร สำหรับช่วงเวลากลางคืนมีความหม่นเหมือนโดนกดขี่รังแก
หรือในตอนที่มีการปรับเพิ่มความสว่างเมื่อ เรนฟิลด์ ก้าวข้ามความรู้สึกของตัวเอง ผสมผสานโทนสีออกมาได้เข้ากับเรื่องราวที่เกิดขึ้น การตัดต่อความลื่นไหลตามฉากต่าง ๆ แม้อาจจะมีตัดสลับไวไปบ้าง
ฉากที่ประทับใจ
มาถึงฉากที่ยกให้เป็นความร้อนแรงสนุกสาดของเรื่องกับฉากแอ็คชันที่มีให้เราได้ชมการบู๊ตั้งแต่ต้น กลาง และจบ
ที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นเลือดของการต่อสู้ ใครที่กลัวอาจจะมีปิดตาดูอยู่บ้าง ถึงแม้สีของเลือดจะไม่ได้สดสมจริง แต่ก็เรียกอารมณ์ความหวาดเสียว สยองขวัญได้ดี
ได้รับอรรถรส และข้อคิดในการใช้ชีวิตไปแบบเต็มตัวเรื่องเหมือนกัน ด้วยการสื่อสารให้เรากล้าเผชิญหน้ากับปัญหาตรงหน้า
ถึงแม้ปัญหาจะใหญ่แต่มันจะมีทางออกเสมอ การก้าวออกมาจากความสัมพันธ์ Toxic ยังดีกว่าทนอยู่กับสิ่งที่เราไม่สามารถเป็นตัวเอง และเลือกทางเดินของตัวเองได้ ดูเหมือนจะดราม่าแต่หนังใส่ทั้งความฮา
ความดุเดือดเลือดพล่านเข้ามาอย่างออกรสชาติ ด้านการแสดงทำให้เราเข้าถึงอารมณ์ในแต่ละตัวละคร การวางเรื่องกระชับจับจุดเนื้อหาได้ง่าย
แต่บางเหตุการณ์ก็ไม่ได้เล่าให้ชัดเจน การตัดต่ออาจจะมีสับไวไปบ้าง แต่ไม่ทำให้เสียอรรถรส ถือเป็นการดูหนังตลก สยองขวัญที่ผ่อนคลายอารมณ์ แต่ยังผสมผสานเนื้อหาการใช้ชีวิตเข้ามาได้เป็นอย่างดี
รีวิวหนัง Renfield เรนฟิลด์ ความรู้สึกหลังรับชม
แต่ก็ด้วยความเป็นคอมิกของบทภาพยนตร์เช่นกันก็ทำให้มันขาดความสมบูรณ์และบกพร่องในการสร้างอารมณ์ร่วมในดราม่าสำคัญ
โดยเฉพาะกรณีของรีเบ็คก้าที่หนังอุตส่าห์ปูเรื่องความแค้นที่เธอมีต่อแก๊งโลโบที่สังหารพ่อของเธออย่างโหดเหี้ยม
รวมไปถึงชะตากรรมตอนท้ายของพี่สาวของเธอที่ถูกบอกเล่าแบบผ่าน ๆ จนเราไม่ได้รู้สึกสงสารหรืออยากเอาใจช่วยเธอเท่าใดนัก
รวมไปถึงการที่หนังเองยังใช้ประโยชน์จาก นิโคลาส เคจ ได้ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าใดนักทั้งที่ทุกฉากที่เคจในเมกอัปแดร็กคูลาดูน่าสะพรึงกลัวขัดแย้งกับลีลาแอ็กติงที่ทำให้ตัวละครนี้ดูยังไงก็แอบฮาจนคนดูแทบเป็นไบโพลาร์ว่าจะกลัวหรือฮาดี
แต่แล้วหนังก็ดันเอาประเด็นแก๊งโลโบเข้ามาลดเวลาที่มันควรไปเน้นความสัมพันธ์ระหว่างแดร็กคูลากับเรนฟิลด์ที่แน่นอนล่ะว่าความสัมพันธ์สุดท็อกซิกนี้น่าจะกลายเป็นจุดเด่นของหนังและทำให้มันน่าจดจำมากกว่านี้ได้แน่นอน
ในด้านนักแสดงคงไม่อาจมองข้าม นิโคลาส โฮลต์ไปได้ เพราะคราวนี้โฮลต์ไม่ได้อาศัยความหล่อของตัวเองเป็นใบเบิกทางอีกแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าเขาได้ฝึกศิลปะการต่อสู้และพัฒนาการแสดงของตัวเอง
จนแม้จะยืนประกบกับอีกหนึ่งนิโคลาสอย่าง เคจ เขาก็ยังไม่จมไม่หายรับส่งบทกันได้เป็นอย่างดี เสียดายแค่ว่าโมเมนต์ที่เราได้เห็นทั้งคู่ปะทะคารมในหนังมันน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง
บทสรุปโดยรวม
บอกเลยว่าโคตรสนุกสนานเลยนะ กับหนังเรื่องนี้ Renfield ตัวหนังอัดแน่นไปด้วยความฮา กับมุกเฮฮาสุดเกลื่อนกลาดเรี่ยราดเรี่ย ผสมไปกับฉากแอ็คชั่นสุดมันที่มีอีกทั้งความ โหดเหี้ยม แล้วก็ความดิบ ระดับ 5 ดาว
ไม่ว่าจะเป็นฉากหัวหลุด แขนขาด บอกเลยเลือดสาดติดหน้าจอแน่ๆ นอกจากนี้ตัวหนังยังสื่อถึงความเกี่ยวเนื่องที่เป็นพิษได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วยระหว่างตัวของแดร็คคูลาที่ดื้อด้านกับขี้ข้าของเขา
ถึงเค้าเรื่องของหนังบางทีอาจจะมองซีเรียสแต่ว่าการเล่าเรื่องของหนังนั้นกลับสวนกับคำว่าซีเรียสไปเลยนะ กลับมีแม้กระนั้นความฮาที่สุดแสนจะหรรษาตลอดทั้งเรื่องเลยล่ะ แถมมีความน่าดึงดูดใจมากมายอีกด้วย
ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเอาชีวิตรอดจากความเกี่ยวเนื่องแบบงี้ ทำให้ผู้ชมนั้นลืมภาพจำของหนัง แดร็คคูลา อดีตไปได้เลยล่ะ
และสิ่งที่ขาดไม่ได้ของหนังเรื่องนี้นั้นคือความสยองขวัญ คือไม่ว่าจะฉากแอ็คชั่นแบบไหนก็โหดและสมจริงมาก
เลือดสาดกันทั้งเรื่องเลย และสิ่งที่พีคกว่านั้นก็คือตัวของ นิโคลัส เคจ นี่แหละ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูจะฮาไปหมด
ยิ่งมาร่วมแสดงกับนักแสดงอย่าง อควาฟินา อีกยิ่งฮาไปกันใหญ่สำหรับหนังเรื่องนี้ อาจจะพูดได้เต็มปากเลยล่ะว่าคอหนังสยองขวัญหรือแฟนบอยของ นิโคลัส เคจ หนังเรื่องนี้คุณไม่ควรพลาดกับ Renfield
สรุปแล้วภาพยนตร์ Renfield นับเป็นหนังคอมเมดี้รับสงกรานต์บ้านพวกเราที่เป็นโอกาสที่ดีทีเดียว
สำหรับคนใดที่ต้องการหัวเราะบริหารฟันกรามผ่อนคลายความเคลียดจากการทำงานหนักตอนต้นปีและไม่ต้องการเล่นน้ำวันสงกรานต์ รวมถึงพวกเราได้เห็น นิโคลาส เคจ ในบทที่สมศักดิ์ศรีนักแสดงแถวหน้าเสียที
