1

รีวิว High Water

รีวิว High Water ยิ่งเข้าใกล้ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี มีความเป็นไปได้สูงที่เราจะเริ่มเห็นหนังระดับเข้มข้น งานหนังที่ทำออกมาเพื่อลุ้น ‘กล่อง’ ในปีนั้นๆ ค่อยๆ รวมรีวิวหนังแนะนำ

พาเหรดกันออกมามากขึ้น นักวิจารณ์หนังเมืองนอกส่วนใหญ่มองว่าหนังที่จะลุ้นออสการ์มักจะออกมาในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีเสมอ เราอาจเริ่มสังเกตเห็นกิจกรรมต่างๆ ที่ผูกโยงกับหนังเริ่มมีมากและถี่ขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งเทศกาลหนังที่น่าสนใจทยอยออกมาให้เลือกเสพกัน 

2

ตัดกลับมาที่หน้าหนังของ Hell or High Water หนังที่เมื่อเห็นใบปิดครั้งแรก ก็รู้สึกถึงกลิ่นอายของความเป็นหนังแนว western ลอยมาทันที ซึ่งส่วนตัวมีประสบการณ์ค่อนข้างดีกับหนังสไตล์นี้ เนื่องจากเรามักจะได้เห็นตัวละครในมิติของความสิ้นหวัง

เส้นกราฟชีวิตที่หยาบกร้าน แคแรคเตอร์ในแบบฉบับหนัง underdog เข้าตาจน โทนหนังที่มีสไตล์ความเป็นลูกทุ่ง จากจุดเริ่มต้นตรงนี้ทำให้ตัวละครมีไดนามิกต์ และทำให้หนังมีช่องในการเล่าที่หลากหลาย แม้จะมีแก่นหลักเป็นโครงเรื่องที่เราพอจะนึกแบบเร็วๆ ออกมาคล้ายๆ กันก็ตาม 

รีวิว High Water เนื้อเรื่อง

Hell or High Water เริ่มต้นเดินเรื่องจู่โจมคนดูแบบรัดกุมตั้งแต่ซีนแรกของการปล้นธนาคาร หนังเลือกไม่เล่าสาเหตุ ความขัดแย้ง แรงจูงใจของตัวละคร กลับกันมันมาพร้อมกับการเปิดตัวห้วนๆ ของสองพี่น้อง Toby และ Tanner กับเมืองเล็กๆ ในทางตะวันตกของ Texas ที่ร้อนเป็นทะเลทราย เงียบสงัดแทบไม่มีใครให้ความสนใจ 

 โดยพยายามเล่าเรื่องผ่านรายละเอียดเล็กๆ ของเมืองแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกภาพของกำแพงโทรมๆ ปนเปื้อนกราฟิตี้, ร้านสะดวกซื้อร้างๆ

ไปจนถึงหน้าต่างตอกตะปูผุๆ เป็นการปูทางให้คนดูเริ่มรู้สึกถึงความเป็น western ที่ส่งสัญญาณด้วยความเงียบ นิ่งสงัด และการเดินเรื่องช้าๆ ไม่หวือหวา ระหว่างที่คนดูเริ่มอยากจะหาว 

 ทันใดนั้น…ภาพก็ตัดมาที่กระสุนก็เจาะเข้าขมับอย่างโหดเหี้ยม กลิ่นอายแบบนี้นี่แหละที่ทำให้ Hell or High Water มีเสน่ห์ขึ้นมา การเดินภาพแว่บหนึ่งทำให้ผมนึกถึง No Country For Old Man (2007) แต่ High and Water

ก็มีอีกจุดที่ยกระดับตัวหนังไปได้ไกลเลยคือ ‘ไดอะล็อก’ บ้านๆ แต่เต็มไปด้วยการจิกกัดระดับแสบสันต์ดีนักแล รีวิวหนังสยองขวัญ

3

สำหรับ Hell or High Water นั้นได้ David Mackenzie (Starred Up – 2014) มานั่งแท่นกำกับ พร้อมกับคนเขียนบท Taylor Sheridan จาก Sicario (2015) โดยได้ Chris Pine  

มารับบทเป็น Toby พ่อม่ายที่มาพร้อมแคแรคเตอร์เงียบขรึมเมื่อมาเข้าคู่กับน้องชาย Tanner ที่เคยติดคุกมาแล้ว ซึ่งรับบทโดย Ben Foster กับแคแร็คเตอร์ที่มีส่วนผสมของความเลือดเย็นและโหดเหี้ยมพร้อมกับรวยมุขตลกในคนเดียวกัน  

โดยโจทย์ของการเดินเรื่องในครั้งนี้ก็คือ การวางแผนปล้นธนาคารเพื่อนำมาจุนเจือพยุงฟาร์มของครอบครัวใน Texas ให้ดำรงอยู่ต่อไป และที่ขาดไม่ได้เลยก็ต้องมีนายอำเภอรุ่นดึกฝีมือดีรอปลดเกษียณอย่าง Marcus (Jeff Bridges) กับคู่หู Alberto (Gil Birmingham) คอยตามล่าพิทักษ์สันติ 

มันมีเหตุผลมากมายที่ทำให้ Hell or Water มีความน่าสนใจและตรึงคนดูไปได้ตลอดรอดฝั่ง แม้จะเดินเรื่องเนิบๆ อยู่บ้างบางช่วง

ส่วนแรกที่อยากจะพูดถึงคือเคมีของดูโอ Chris Pine และ Ben Foster ในบทบาทพี่น้องถือได้ว่าไหลลื่นลงตัวอย่างมาก เช่นเดียวกันกับคู่รุ่นใหญ่ทั้ง Jeff Bridges และ Gil Birmingham  

โดยเฉพาะคู่หลังนี้ต้องบอกว่า เมื่อหนังเดินไปเรื่อยๆ คู่หูคู่นี้ก็ยิ่งทำให้เราหลงไหลได้ใจไปทีละน้อยๆ โดยเฉพาะไดอะล็อกเสียดสีแรงๆ ในแบบฉบับหนัง western โดยการหยิบประเด็นสีผิวและเชื้อชาติมาพูดถึงแบบจริงๆ จังๆ 

 ทำให้หนังมีโทนของความเป็น dark comedy ผสมผสานอย่างลงตัว เรียกว่า จังหวะแบบนี้แหละที่ทำให้คนดูหัวเราะได้เรื่อยๆ อมยิ้มกันได้เป็นระยะ

ในขณะที่หนังยังสามารถคุมโทนของความตึงเครียดของการไล่ล่าได้ดีเกินคาด เปลี่ยนเมืองเล็กๆ ที่มีการปล้นธนาคารแบบเงียบๆ ธรรมดาๆ ให้กลายเป็นมีสีสันและชีวิตชีวาได้ 

รายละเอียดการผลิตนักแสดง

น้ำที่สูงนั้นอิงจากเรื่องจริง แต่ที่ฉลาดคือมันใช้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและโศกนาฏกรรมนี้เป็นเลนส์ แต่สร้างละครเกี่ยวกับตัวละครโดยใช้ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ตอบคำถามที่เกี่ยวข้องและมุมมองที่เกิดขึ้นก่อน ระหว่าง และหลังน้ำท่วม

เป็นแนวทางที่ช่วยให้การแสดงสามารถประณามทั้งหมดนี้ได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการตอบโต้ที่อาจโต้แย้งได้ ไม่มีใครที่แสดงออกถึงความชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งบางทีอาจแดกดัน 

4

แต่การแสดงมีความน่าสนใจมากกว่าสำหรับใบอนุญาตด้านศิลปะ ตัวอย่างเช่น Tremer และ Marczak มีเรื่องราวที่จะไม่ถูกแบ่งปันโดยบุคคลที่เกี่ยวข้องจริง ๆ และเรื่องราวนั้นให้พื้นผิวที่ดี สิ่งทั้งปวงสามารถจัดโครงสร้างให้มีความชัดเจนมากขึ้น

โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับใคร พูดหรือทำอะไร และในช่วงเวลาที่แม่นยำมากเกินไป การสแกนเหตุการณ์โดยรวมนั้นดูแม่นยำ แต่เนื้อเยื่อเกี่ยวพันนั้นสะดวกกว่าสำหรับการดื่มสุรา ซึ่งบางทีก็เช่นกัน 

อาจมีคำถามทุกประเภทเกี่ยวกับแนวทางนี้หากคุณเป็นเช่นนั้น เอียง; เรื่องของรสนิยม ความเหมาะสม ความถูกต้อง และความเคารพ ซึ่งบางเรื่องก็มีความสำคัญสำหรับแต่ละคน แต่เป็นการยากที่จะโต้แย้งกับผลลัพธ์ สิ่งที่แย่ที่สุดที่น้ำสูงอาจเป็นได้ก็คือความแห้ง 

เรื่องราวเหตุการณ์น้ำท่วมที่ต้องจารึก

การดำเนินเรื่องไม่ได้อืดอาดยืดยาด แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเร่งเร้า ซีรีส์จึงไม่ได้น่าเบื่อ ยังพอจะติดตามได้เรื่อยๆ แม้บทพูดบางช่วงจะมากหน่อย ชื่อเฉพาะต่างๆ ชวนจำยากไปนิด ปิดท้ายด้วยเรื่องดราม่าที่คลิเช่ไปบ้าง แต่ก็นับเป็นซีรีส์ที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ 

ซีรีส์ High Waterน้ำถล่มเมือง (2022) จากฝีมือของผู้สร้างอย่าง อันนา เคพินสกา ที่ออกมาจำลองเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในโปแลนด์ที่เคยเจอมาหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริง

เปิดเรื่องมากับชีวิตของนักวิทยาศาสตร์ ยาชมิน่า เทรแมร์ ที่ทำการวัดระดับน้ำ เพื่อเตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมที่เธอได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าหลายเดือนแล้ว 

5

เราเองก็เพิ่งจะได้ดู ซีรีส์ถ้ำหลวง ภารกิจแห่งความหวัง ก็เลยค่อนข้างที่จะอินไปหน่อย เพราะบทบาทของ เทรแมร์ นั้นมีความคล้ายคลึงกับ เคลลี่ นักวิศวกรชลศาสตร์

ที่รับบทโดยญาญ่า บุคคลสำคัญที่ช่วยทำให้ระดับน้ำในถ้ำคงที่ เพื่อให้นักดำน้ำสามารถดำน้ำเข้าไปช่วยชีวิต 13 ทีมหมูป่าได้ บวกกับปมชีวิตของเทรแมร์ ทั้งเรื่องสามีเก่า ลูกสาว และแม่ที่เป็นโรคอ้วน ทำให้รู้สึกว่าซีรีส์ยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก 

แต่เทรแมร์นั้นถึงเธอจะมีความสามารถ แต่เธอก็มีมุมมืดเพระาเธอเคยเสพติดสารเสพติด และติดยาแก้ไอ นักแสดงสาว อักเนียสชกา ซูเลฟสกา แสดงเก่งไม่ห่วงสวยเหมาะกับบทนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญแต่มีปม ทุกปมของเทรแมร์

ซีรีส์ดำเนินเรื่องได้น่าสนใจ ทั้งสามีเก่า ยาคูบ มาร์ชัค ที่เป็นถึงรักษาการผู้ว่าจังหวัด มีความตั้งใจอยากทำให้ดีที่สุด ทั้งหน้าที่การงานและหน้าที่พ่อ 

รีวิว High Water ความรู้สึกหลังดู

หากพิจารณาจากบริบทแวดล้อมของ Hell or High Water ไม่ว่าจะเป็นแคแร็คเตอร์สีเทาๆ ของคนในครอบครัว จุดเริ่มต้นที่ทำให้ตัวละครออกตัดสินใจเลือกปล้นธนาคาร ก็อาจบอกได้ว่านี่เป็นอีกหนังอีกหนึ่งเรื่องที่เดินตามสูตร anti-hero  

การพยายามถ่ายทอดภาพให้เห็นความคิด สะท้อนตัวตนทั้งดีเลวของตัวละคร โดยเน้นไปที่การถ่ายแบบ medium shot การพยายามแช่ภาพไว้นานๆ และตัดสลับฉากไวๆ ทำให้คนดูเข้าถึง culture รวมทั้งบุคลิกของความเป็น Texas และความเป็น western ได้อย่างดีเยี่ยม 

6

ในเวลาเพียงชั่วโมงเศษๆ ตัวหนังไม่ต้องขายเซ็กส์ ไม่ต้องใช้ลูกเล่นอะไรมากมาย แต่เดินไปได้ด้วย แคแรคเตอร์ที่ชัดเจนและเส้นเรื่องที่ลงตัวอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในด้านคอสตูม และการรักษาโทนของตัวละคร เรียกว่ารัดกุมทุกเม็ดไม่มีตกหล่นเลย 

Hell or High Water สร้างเซอร์ไพรส์เกินคาด ด้วยมุมมองการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนกว่าที่คิด มีหลายมิติ ตัวละครเล่นออกมามีเสน่ห์ เคมีเข้าขาลงตัว ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมากมาย รสชาติกำลังกินจริงๆ รีวิวหนังระทึกขวัญ

บทสรุป

ภาพ แสงสี เสียง ในหนัง มันดูเป็นเหตุการณ์ที่สมจริงเอามากๆ อีกทั้งยังได้เห็นหลายสิ่งอย่างที่เสียหายจากอุทกภัย ทั้งอาหาร และน้ำ ไม่เพียงพอ อีกทั้งเรื่องของการอพยบผู้ป่วยอีก บางคนอพยพไม่ได้อาจถึงขั้นต้องเสียชีวิต หรือผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ชั้นหนึ่งจะย้ายหนีน้ำไปชั้นอื่นต้องทำอย่างไร 

ควรหลีกเลี่ยงการใช้ลิฟท์ มันอาจจะค้างอยู่แบบนั้น เนื่องจากไฟฟ้าลัดวงจรก็ได้ การเดินลงที่ต่ำห้ามทำเด็ดขาดเพราะถ้าน้ำไหลมา มันจะไหลแรงมาก และอื่น ๆ อีกมากมาย ดูไปก็ได้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ควรและสิ่งที่ไม่ควรทำ ในสถานการณ์น้ำท่วม 

7

ข้อคิดที่ได้ก็อย่างที่เห็น มันคือความเสียสละ และ การที่เราจะต้องร่วมมือร่วมใจ ทำอะไรก็ต้องดูแลกันและกัน เป็นหัวใจหลักที่จะช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตอุทกภัยได้อย่างราบรื่น ชนิดที่น้ำแห้งแล้วก็ยังมองหน้ากันติดและอาจจะได้รับการสรรเสริญ 

ดูแล้วไม่ผิดหวัง ได้ความรู้เตรียมรับมือน้ำท่วม ดำเนินเรื่องน่าติดตาม คอยลุ้นว่าสรุปแล้วน้ำจะท่วมไหม การคาดการณ์ของนักวิทยาศาสตร์ถูกต้องหรือเปล่า

และผู้บริหารรับมือและสั่งการได้ทันท่วงทีแค่ไหน ให้คะแนน 7.5/10 น่าเสียดายไม่มีพากย์ไทย รับชมแบบซับไทยกันได้ทาง Netflix มี 6 ตอนละ 45 นาที 

ชื่อซีรีส์ High Water / Wielka Woda / น้ำถล่มเมือง
ผู้อำนวยการสร้าง Anna Kępińska/อันนา เคพินสกา
ผู้เขียนบท
นักแสดง Agnieszka Zulewska, Tomasz Schuchardt, Ireneusz Czop
แนว/ประเภท Drama
จำนวนตอน ซีซัน 1: 6 ตอน
ช่องทางรับชม Netflix
เริ่มออกอากาศ 5 ตุลาคม 2022 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *