รีวิว The Glory

ซีรีส์ปั่นประสาทป่วนจิตเรื่องใหม่ของเกาหลีมาแล้วจ้ะ และมาแบบกระชับฉับไวปั่นกันยิกตลอดทั้งเรื่องซะด้วยสิ ‘The Glory’ ซีรีส์เสียดสีกัดเจ็บ ที่โชว์บาดแผลร้าวลึกของ “เหยื่อ”

ที่ถูกกระทำและไม่มีวันลืม ผ่านเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยอม “ทนอยู่” และทำทุกวิถีทางอย่างใจเย็น เพื่อบ่มเพาะประสบการณ์ผ่านวันเวลาจนสุกงอม ใช้ความแค้นเป็นพลังเพื่อต่อลมหายใจ ให้ถึงวันที่เธอได้แก้แค้นกลุ่มคนที่ทำร้ายเธอในวัยเด็กจนชีวิตของเธอต้องพังทลาย

กระโจนสู่เกมพยาบาทใน The Glory ซีรีส์ดราม่าแก้แค้นส่งท้ายปีจาก Netflix นำทัพจองเวรโดยนางเอกระดับตำนาน ซงฮเยคโย ประกบคู่ อีโดฮยอน พระเอกหนุ่มสายอบอุ่น เตรียมลับฝีปากไว้ถากถางศัตรู วางแผนติดอาวุธให้ครบมือ แล้วไปพบกับสงครามอาฆาตที่ไร้ซึ่งความปรานี ไม่เหลือศักดิ์ศรีให้สูญเสียอีกต่อไป

ฤดูร้อน ปี 2004 มุนดงอึน (รับบทโดย จองจีซู) เด็กสาววัยรุ่นนักเรียนมัธยมปลาย ใฝ่ฝันอยากเป็นสถาปนิกที่มีหน้าที่การงานที่มั่นคง แต่แล้วเธอกลับต้องลาออกจากโรงเรียนกลางคัน เนื่องจากถูก พัคยอนจิน (รับบทโดย ชินเยอึน) กับแก๊งนักเรียนลูกคนรวยเพื่อนร่วมชั้น อีซาร่า, จอนแจจุน, ชเวฮเยจอง และ ซนมยองโอ ทั้งกลั่นแกล้ง เหยียบย่ำรังแกอย่างรุนแรงและโหดเหี้ยม 
 
โดยที่ มุนดงอึน ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้เลย ทั้งจากครูผู้บริหาร ครูประจำชั้น เพื่อนนักเรียนร่วมชั้นในโรงเรียน หรือแม้กระทั่งตำรวจที่เธอไปแจ้งความก็ไม่สนใจสืบสวน นอกจากนี้หากมีครูในโรงเรียนคนไหน จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ก็จะถูกบีบให้ลาออกไปในทันที 
 
มุนดงอึน ต้องจมจ่อมอยู่กับความสิ้นหวัง และเคยถึงกับคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย  แม่ของเธอ กลับไปเซ็นชื่อรับเงินจากแม่ของ พัคยอนจิน เปลี่ยนเหตุผลว่าที่เธอลาออก เพราะ ปรับตัวไม่ได้ แล้วหอบเงินหนีไปกับพ่อเลี้ยง ทิ้งเธอไว้สู้ชีวิตเพียงลำพัง 

หลังลาออกไปไม่นาน มุนดงอึน ได้สร้างความแปลกประหลาดใจใจให้กับ พัคยอนจิน และแก๊งนักเรียนเลว มาก เมื่อบุกเข้ามาหาในโรงเชือด

โรงยิมของโรงเรียน ในขณะที่พวกนั้นกำลังรุมรังแก คยองรัน เหยื่อความรุนแรงรายใหม่ แล้วถามถึงความฝันของแต่ละคน ก่อนจะจากไปพร้อมทิ้งข้อความสุดท้ายไว้ว่า ตั้งแต่วันนี้ พัคยอจินคือความฝันของเธอ และ “พวกเราต้องกลับมาเจอกันใหม่ให้ได้นะ พัคยอนจิน” เธอบอก

มุนดงอึน ทำงานหนักในโรงงานบริษัททอผ้าซองจูหาเลี้ยงตัวเอง และใช้เวลาว่างสอบเทียบ เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยจนจบ 20 ปี ต่อมา เธอแต่งงานมีครอบครัวและมีลูกสาวหนึ่งคน อยู่มาวันหนึ่ง มุนดงอึน (รับบทโดย ซงฮเยคโย)

ไปส่งลูกเข้าโรงเรียนประถม แล้วพบว่าคุณครูประจำชั้นเรียนลูกของเธอ ก็คือหนึ่งในผู้ที่สมรู้ร่วมคิดในการกลั่นแกล้งเธอเมื่อสมัยเรียนม.ปลาย 
 
ที่ผ่านมา เธอเก็บข้อมูล และติดตามชีวิตของทุกคนที่เคยรวมหัวกันกลั่นแกล้งเธอมาโดยตลอด ผ่านทางโซเชียลมีเดียของแต่ละคน โดยเฉพาะ พัคยอนจิน (รับบทโดย อิมจียอน) ซึ่งเวลานี้กลายเป็น นักพยากรณ์อากาศชื่อดัง

และกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับแฟนหนุ่ม ฮาโดยองในขณะที่งานวิวาห์ของ พัคยอนจิน ใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่เธอก็แอบไปแซ่บกับ แจจุน เหมือนเดิม มุนดงอึน

ก็เริ่มเดินเกมล้างแค้นตามแผนที่วางเอาไว้ เธอได้พบกับ จูยอจอง (รับบทโดย อีโดฮยอน) ที่โรงพยาบาลโดยบังเอิญ ซึ่งเขาได้มากลายเป็นตัวแปรสำคัญในชีวิตของเธอ 
 

ซงฮเยคโย รับบทเป็น มุนดงอึน 
เด็กสาวอนาคตไกล ที่ความฝันต้องมาภินท์พังแตกละเอียด เพราะถูกกลั่นแกล้วรังแก และทำร้ายอย่างรุนแรงและเหี้ยมโหด ร่องรอยเหล่านั้นคือหลักฐานจากแผลเป็นทั่วร่างของเธอ ในเวลาที่มุนดงอึนต้องการความช่วยเหลือและการปลอบประโลมมากที่สุด กลับไม่มีใครยื่นมือมาหา วันนี้เธอจึงจะไม่หลงเหลือตัวตนเด็กสาวที่น่าสงสารอีกแล้ว หนังระทึกขวัญแนะนำ
 
อีโดฮยอน รับบทเป็น จูยอจอง 
ชายหนุ่มแสนดี ภายนอกเขาอาจดูเหมือนเป็นคนที่ดูสดใสโลกสวย เบิกบาน และบริสุทธิ์ แต่แท้จริงเขาเป็นคนที่มีสองบุคลิก และซ่อนปมชีวิตของตัวเองเอาไว้

เขาก้าวเข้ามาและได้มากลายเป็นตัวแปรสำคัญในชีวิตของมุนดงอึน ยิ่งเมื่อได้รู้ความเลวร้ายที่มุนดงอึนต้องเผชิญเพียงลำพัง ตัวตนของจูยอจองก็เปลี่ยนไป 
 
อิมจียอน รับบทเป็น พัคยอนจิน 
อย่าได้ถามว่า ทำไมเธอถึงเป็นคนร้ายกาจได้ขนาดนี้ เพราะสำหรับ พัคยอจิน แล้ว เธอไม่เคยกลัวใคร หรือไม่เคยรู้สึกผิด ชอบ ชั่ว ดี ในสิ่งที่ทำลงไปแม้แต่น้อย

และไม่เคยมานั่งเสียเวลาคิดว่า สิ่งที่เธอทำ ถูก หรือ ผิด สิ่งที่เป็นความผิดพลาดเดียวในชีวิตของเธอ นั่นคือ ทำไมถึงไม่ฆ่า มุนดงอึน ให้ตายไปตั้งแต่ตอนนั้น 
 

พัคซองฮุน รับบทเป็น จอนแจจุน 
เพื่อนชายคนสนิทของ พัคยอนจิน ถึงจะไม่เคยร่วมทำร้าย มุนดงอึน แต่เขาก็เมินเฉย มองดูเธอโดนพวกเพื่อนๆ รังแก โดยไม่ห้ามปรามใดๆ 
 
คิมกอนอู รับบทเป็น ซนมยองโอ 
เพื่อนในกลุ่มของพัคยอนจิน ที่เคยรุมรังแก มุนดงอึน และคุกคามทางเพศเธอ 
 
ชาจูยอง รับบทเป็น ชเวฮเยจอง 
เพื่อนในกลุ่มของพัคยอนจิน ที่เคยรุมรังแก มุนดงอึน 
 
คิมเฮียร่า รับบทเป็น อีซาร่า 
เพื่อนในกลุ่มของพัคยอนจิน ที่เคยรุมรังแก มุนดงอึน 
 
จองซองอิล รับบทเป็น ฮาโดยอง 
สามีของ พัคยอนจิน 
 
ยอมฮเยรัน รับบทเป็น คังฮยอนนัม 
 
ร่วมด้วย 
ยุนจินซอง รับบทเป็น จองมีฮี แม่แท้ๆ ของ มุนดงอึน 
จองจีซู รับบทเป็น มุนดงอึน (ตอนวัยรุ่น) 
ชินเยอึน รับบท พัคยอนจิน (ตอนวัยรุ่น) 

ความรุนแรงในโรงเรียนของวัยรุ่นเกาหลี มักถูกนำเสนอผ่านหนังและซีรีส์ให้เราได้เห็นมากมายหลายต่อหลายเรื่อง แม้แต่ในเรื่องนี้ก็เช่นกัน

และสาวกเกาหลีน่าจะทราบดีว่าทางฝั่งเกาเขามีดราม่าทำนองนี้อยู่เนือง ๆ ยิ่งช่วง1-2 ปีที่ผ่านมาฝั่งบันเทิงเกาหลีก็มีดาวรุ่งที่กำลังพุ่งแรงโดนสอยร่วงกลางอากาศกันมาแล้ว  

เหตุเพราะมีผู้ออกมาเปิดเผยว่าเขาเคยเป็นหัวโจกคอยสร้างความรุนแรงต่าง ๆ ในโรงเรียนมาก่อน ซึ่งการแฉของเหยื่อความรุนแรงในครั้งนั้น ก็อาศัยจังหวะที่เขากำลังมีความสุขที่สุดแลัวพังมันลงมาให้ราบคาบ ไม่ต่างกับวิธีการของมุนดงอึน นางเอกในเรื่องนี้ 

แต่ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดนั่นก็คือ เราไม่เคยรู้เลยว่าเหยื่อจะรู้สึกเจ็บปวดขนาดไหน ไม่มีใครเคยรู้ว่าการรอคอยช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพื่อการแก้แค้นนั้น เหยื่อแต่ละคนต้องผ่านอะไรมาบ้าง เพราะต่อให้ตั้งใจจินตนาการก็ไม่มีทางที่ใครจะนึกภาพออกได้เลย  

ถ้าไม่มีผู้เชี่ยวชาญมาถ่ายทอดความรู้สึกนั้นให้เราได้ชม ซึ่งคิมอึนซุก ผู้เขียนบทเรื่องนี้ได้บรรยายเอาไว้หมดแล้ว

และถ่ายทอดออกมาด้วยผลงานกำกับของอันกิลโฮและการแสดงของซงฮเยคโย นางเอกเบอร์ต้นของเกาหลีที่ถ่ายทอดออกมาได้ถึงอารมณ์จนผู้ชมสามารถคล้อยตามความรู้สึกของตัวละครได้ทุกอิริยาบถ หนังระทึกขวัญโหดเหี้ยม

เมื่อซงฮเยคโย ประกบคู่กับ อีโดฮยอน ข้าพเจ้าก็คาดหวังฉากหวาน ๆ กับเขาสักนิด แต่ไม่มีซะหรอก เพราะบทเข้าพระเข้านางของคู่นี้กลับเป็นความกุ๊กกิ๊กที่แสนประหลาด

เรื่องนี้ ‘อีโดฮยอน’ รับบทเป็น ‘จูยอจอง’ ศัลยแพทย์หนุ่มที่เติบโตมาในครอบครัวหมอ หล่อ รวย ใจดี มีอารมณ์ขัน การพบกันครั้งแรกของพระนางก็ช่างสุดแสนโรแมนติก เพราะฝ่ายชายสะบักสะบอม ส่วนฝ่ายหญิงหมดสติ ให้มันได้อย่างนี้ 

สองคนมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน แต่อย่างที่บอกแหละค่ะว่านางเอกของเราเธอกดความสุขเอาไว้ไม่ยอมให้โผล่หัวออกมาง่าย ๆ ส่วนฝ่ายชายก็ตามห่วงตามซัปพอร์ตจนฝ่ายหญิงต้องเอ่ยประโยคหวาน ๆ ออกมาว่า “ฉันไม่ต้องการเจ้าชาย สิ่งที่ฉันต้องการคือเพชฌฆาต

ที่จะรำดาบไปพร้อมกับฉัน” ว้าย…หวานไปนะ เธอพูดออกมาด้วยหน้านิ่ง ๆ และฝ่ายชายก็มองตาปิ๊ง ๆ ด้วยใบหน้าที่นิ่งไม่ต่างกัน บอกเลยว่าคู่นี้เคมีดีเวอร์ และบทก็แอบซ่อนความน่าสงสารของทั้งคู่เอาไว้ลึก ๆ 

ชนิดที่สอดแทรกเอาไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง แล้วค่อย ๆ เผยมาทีละอย่าง เป็นการวางของสำคัญไว้เป็นเบี้ยบ้ายรายทาง แล้วรวบตึงกระตุกวืดให้เราเซอร์ไพรซ์เล็ก ๆ ด้วยการดำเนินเรื่องที่ทำให้เราตามติดไปในทุก ๆ ฉาก รวมถึงความรู้สึกของพระนางที่ก็จะเพิ่มดีกรีความพึงพอใจ เห็นใจ เข้าใจและเข้ากันดีขึ้นเรื่อย ๆ จนพระเอกพูดออกมาได้เต็มปากว่า “ผมจะทำ ผมจะเป็นเพชฌฆาตและรับดาบให้” ค่ะ ถ้าป้าแม่บ้านเป็นมือขวา พระเอกของเราก็อยู่เหนือมือขวาขึ้นไปอีก 

8 ตอนที่ผ่านมาในซีซัน 1 ยังไม่มีจุดไหนเป็นจุดพีคนะคะ แต่ทุกจุดเป็นจุดที่ละสายตาไม่ได้ เพราะทุกฉากทุกตอน มีความนัยที่จะส่งไปถึงฉากอื่น ๆ ในตอนต่อไป และที่แน่ ๆ ตอนนี้นางเอกของเรามีทีมงานพร้อมรบและได้เปิดฉากปั่นประสาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

 ภายในเนื้อเรื่องจะมีฉากยิบ ๆ ย่อย ๆ ที่อาจเป็นชนวนแต่ไม่ทันสังเกตอยู่มากมาย แต่จะมีของสิ่งหนึ่งที่แอบโดดเด่น และกลายเป็นปริศนาที่จะส่งไปถึงซีซัน 2 นั่นคือรองเท้าส้นสูงสีเขียวคู่หนึ่ง 

ฉากหนึ่งของเรื่อง ‘ฮาโดยอง’ (จองซองอิล) สามีของพัคยอนจิน มอบรองเท้าคู่หนึ่งให้เป็นของขวัญกับภรรยาและบรรจงสวมมันให้กับเธอ มันเป็นรองเท้าส้นสูงสีเขียวประดับเพชร สวยร้องว้าวเลยค่ะรองเท้าคู่นี้

แต่ไอ้เจ้ารองเท้าคู่นี้นี่แหละที่ดันไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หนึ่งที่เกี่ยวกับการหายตัวไปของคนคนหนึ่งและยังคงเป็นปริศนา เพราะเจ้าของรองเท้าแบบเดียวสีเดียวกันนี้ไม่ได้มีแต่พัคยองจินเท่านั้น 

ผู้หญิงที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงในอดีต ล้วนครอบครองรองเท้าสีเขียว คือมันสวยอยู่แบบเดียวรึยังไง ถึงได้ซื้อมาใส่กันแบบไม่ได้นัดหมาย แถมมันยังน่าสนใจขนาดที่อีซาราเอาไปวาดรูปอีกด้วย

เรื่องราวในซีซันแรกก็ทิ้งท้ายเอาไว้แบบนี้ละค่ะ ทั้งความลับบางอย่างที่กำลังจะถูกเปิดเผย ทั้งปริศนารองเท้าเขียว ทั้งปมน่าสะพรึงของพระเอก ทั้งการแก้แค้นที่นางเอกเริ่มต้นไปแล้วอย่างโหดเหี้ยม งานนี้เจ็บจริงตายจริงไม่มีตายทิพย์ และกำลังจะดุเดือดขึ้นแน่ ๆ ในซีซัน 2 ที่จะมาในเดือนมีนาคม 2023 นี้