รีวิว Ghoul เป็นกระแสคลื่นใต้น้ำที่มาแรงจริงๆสำหรับซีรีส์อินเดีย ที่เริ่มครองพื้นที่ในผังรายการโทรทัศน์ในช่วง 1 ปีมานี้อย่างต่อเนื่อง โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมคงหนีไม่พ้นแนวเรืื่องเล่าในศาสนา หรือเอาปีศาจในตำนานมาเป็นจุดขาย
ซึ่งจะว่าด้วยหน้าหนังแล้ว GHOUL ก็นับว่าไม่ผิดแผกจากซีรีส์อันเป็นที่นิยมนัก จะผิดหูผิดตาชัดเจนก็เห็นจะเป็นความยาวของมินิซีรีส์ที่มีเพียง 3 ตอน และถูกนำเสนอด้วยโทนเรื่องแนวสยองขวัญและดำเนินเหตุการณ์ในโลกอนาคตแบบดิสโทเปียที่ประชาชนต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลเผด็จการ
ห้ามการแสดงออกทางการเมืองและมีการกำหนดแม้กระทั่งข้อบังคับในหลักสูตรเพื่อมิให้การศึกษาทำให้คนแข็งขืน แถมยังอ้างอิงกับสังคมอินเดียปัจจุบันที่ยังแบ่งวรรณะตามความเชื่อของพราหมณ์และกีดกันคนศาสนาอื่น ดูหนังออนไลน์ฟรี
รีวิว Ghoul เนื้อเรื่อง
จากตำนานความเชื่อของชาวอาหรับ มาสู่ซีรีส์ที่ยากจะคาดเดา ปิศาจ (Ghoul) เกิดขึ้นในสถานกักกันซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารสอบปากคำและมักทรมานผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้าย โดยมี นิดา (ราธิกา อัปเต) เจ้าหน้าที่สอบสวนคนใหม่ที่ส่งพ่อแท้ๆ รวมรีวิวหนังสยอง
ของตัวเองที่เป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลให้ทางทหารจับกุม เธอเข้ามาที่ศูนย์ฯ และค้นพบว่าผู้ก่อการร้ายบางพวกก็ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ และเธอจะต้องต่อสู้กับสิ่งต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะความจริงเบื้องหลังเป้าหมายชาตินิยมแบบสุดโต่งของกองทัพ
แต่ยังต้องต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดในการเผชิญหน้ากับปิศาจ ทั้งในคราบมนุษย์และไม่ใช่มนุษย์ หลังเธอได้มาประจำยังสถานกักกันผู้ก่อการร้ายก็ต้องเผชิญเหตุการณ์สุดสยองเมื่อเธอต้องสอบสวน อาลี ซาอิด (มาเฮช บัลราจ) ผู้ก่อการร้ายตัวเอ้ ที่การมาถึงของเขาอาจพาอำนาจมืดเหนือมนุษย์ติดตัวมาเพื่อเปลี่ยนคุกให้กลายเป็นนรกที่ทุกคนพร้อมถูกกลืนกิน
จากปีศาจโบราณนาม ‘กูล’ ทำให้ นิดา ต้องไขปริศนาให้ได้ว่าใครเป็นคนทำพิธีเรียก กูล มาสร้างความสยอสยองครั้งนี้ ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป
ซีรีส์นี้เน้นถึงศาสนาและความเชื่อและการเมืองเป็นหลัก แต่จุดที่น่าสนใจคือถึงแม้จะเป็นซีรีส์อินเดียแต่ซีรีส์ทำออกมาได้มีความเป็นสากลมากๆดูง่ายๆ พล๊อตเรื่องดูไม่ยากอย่างที่คิด
ถ้าใครจะไปตีความต่อก็ได้อีกมากมาย มีฉากแหวะๆนิดหน่อย บางอันอาจอี๋ๆ
รีวิว Ghoul องค์ประกอบของหนัง
แน่นอนว่าแม้หน้าตานักแสดงจะดูอินเดี๊ย อินเดีย แค่ไหน แต่โทนเรื่องมันคือหนังสยองขวัญฝรั่งชัดๆทั้งการสร้างบรรยากาศและการปูโทนเรื่อง
แถมยังได้ทีมงานฮอลลีวูดอย่าง บลัมเฮาส์ ผู้สร้างหนังฮิตอย่าง Insidious และ Get Out แต่เนื่องด้วย แพทริค เกรแฮม เป็นผู้กำกับชาวอังกฤษที่ทำงานในโปรดักชั่นหนังอินเดียมานาน จึงสามารถผสมผสานการเล่าเรื่องแบบสากลให้เข้ากับแนวคิดวิพากษ์การเมืองอินเดียได้อย่างลุ่มลึก
โดยเฉพาะประเด็นเรื่องศาสนาอย่างการให้ นิดา เป็นมุสลิมที่ต้องมาทำงานในสถานกักกันของรัฐบาลที่แม้จะไม่ได้มีกฎห้ามด้านศาสนาแต่เธอก็ยินยอมถอด อิญาป หนังระทึกขวัญ
ในการปฏิบัติหน้าที่ หรือการปูให้ผู้ก่อการร้ายอยู่ในเขตพวกจัณฑาลก็สร้างบรรยากาศความขัดแย้งระหว่างชนชั้นที่ล้อไปกับการปรากฎตัวของ ปีศาจ กูล ในสถานกักกันที่มาสร้างความสยองด้วยเหตุผลบางอย่าง
รีวิว Ghoul การดำเนินเรื่อง
สำหรับการดำเนินเรื่องของซีรีส์ต้องยอมรับว่าคนดูอย่างเราๆ อาจต้องอดทนสักนิดกับตอนแรกของซีีรีส์ที่เน้นปูที่มาที่ไปของ นิดา และระบบสังคมในสถานกักกันนานเสียหน่อย
ก่อนจะทิ้งเชื้อความระทึกกันท้ายตอน แต่พอเข้าสู่ตอน 2 เท่านั้นแหละ มีแต่ปมเรื่องและฉากที่ชวนลุ้นแบบแทบลืมหายใจเสิร์ฟกันอย่างจุใจ และต้องยอมรับการออกแบบปีศาจ กูล ที่ทำได้น่ากลัวพร้อมจุดหักมุมตอน 3 ที่ต้องบอกว่าบ้าดีเดือดแท้ๆ
นับว่าไม่บ่อยนักที่จะมีซีรีส์อินเดียสยองขวัญสนุกๆที่เดินเรื่องเร็ว ไม่เน้นร้องเพลงวิ่งไล่จับข้ามภูเขาเหมือนแต่ก่อน แต่กลับมีทั้งเลือดและอวัยวะกระเด็นกระดอนมาเสิร์ฟคอหนังสายโหดแทน
มันมีความน่าสนใจตรงที่เรื่องราวมันใช้บริบทของอินเดีย ดินแดนที่ยังมีการแบ่งแยกชนชั้น ทว่าก็ยังมีปัญหาด้านศาสนาและความเชื่อ ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง เมื่อคนกลุ่มทหารคิดอย่างหนึ่ง แต่ประชาชนบางกลุ่มนับถืออีกอย่างที่กลุ่มทหารไม่เห็นด้วย พวกเขาเลยกลายเป็น “คนผิด”
แต่แล้วเรื่องความขัดแย้งเหล่านั้น กลับกลายเป็นสิ่งที่ชักพาให้นางเอกอย่าง นิดา ต้องเข้าไปอยู่ในสถานกักกันสักที่หนึ่งเพื่อทำหน้าที่ในการสอบสวนบุคคลที่ถูกมองว่าเขาคือ รีวิวหนังภาคต่อ
“ผู้ก่อการร้าย” นิดาเองก็มีเบื้องหลังที่เกี่ยวกับพ่อของเธอด้วย พ่อเธอเคยเป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านและก็เป็นเธอเองที่ตั้งใจให้พ่อถูกจับ เพราะหวังว่าเขาจะปรับใจเพื่ออยู่ต่อ แต่เธอก็ไม่เจอกับเขาอีกเลย
ทุกที่ปูมาทั้งหมดเพื่อจะบอกให้เธอได้รับรู้ว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะไม่ใช่คน มันมีความน่ากลัวโผล่ขึ้นมาตรงหน้า และเพราะต้องปะทะกับทั้งศัตรูที่มีทั้งมนุษย์และมิใช่มนุษย์
เริ่มต้นอาจจะปูเรื่องนาน มีอาการง่วงหาวอยู่บ้าง แต่ผ่านไปถึงตอนที่สองแล้ว ความสนุกลุ้นก็เริ่มจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ จนตอนท้ายสุด ชวนลุ้นกันตัวเกร็งเลยเชียวว่ามันจะจบลงอย่างไร
รีวิว Ghoul ความรู้สึกหลังดู
เป็นกระแสคลื่นใต้น้ำที่มาแรงจริงๆสำหรับซีรีส์อินเดีย ที่เริ่มครองพื้นที่ในผังรายการโทรทัศน์ในช่วง 1 ปีมานี้อย่างต่อเนื่อง โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมคงหนีไม่พ้นแนวเรื่องเล่าในศาสนา หรือเอาปีศาจในตำนานมาเป็นจุดขาย ซึ่งจะว่าด้วยหน้าหนังแล้ว GHOUL ก็นับว่าไม่ผิดแผกจากซีรีส์อันเป็นที่นิยมนัก จะผิดหูผิดตาชัดเจนก็เห็นจะเป็นความยาวของมินิซีรีส์ที่มีเพียง 3 ตอน
และถูกนำเสนอด้วยโทนเรื่องแนวสยองขวัญและดำเนินเหตุการณ์ในโลกอนาคตแบบดิสโทเปียที่ประชาชนต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลเผด็จการ ห้ามการแสดงออกทางการเมืองและมีการกำหนดแม้กระทั่งข้อบังคับในหลักสูตรเพื่อมิให้การศึกษาทำให้คนแข็งขืน
แถมยังอ้างอิงกับสังคมอินเดียปัจจุบันที่ยังแบ่งวรรณะตามความเชื่อของพราหมณ์และกีดกันคนศาสนาอื่น
รีวิว Ghoul ที่มาของหนัง
ซีรีส์เรื่องนี้สร้างจากตำนานความเชื่อของชาวอาหรับ ปิศาจ (Ghoul) เกิดขึ้นในสถานกักกันซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารสอบปากคำและมักทรมานผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้าย นิดา (ราธิกา อัปเต) เจ้าหน้าที่สอบสวนคนใหม่ที่ส่งพ่อแท้ๆ ของตัวเองที่เป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลให้ทางทหารจับกุม เธอเข้ามาที่ศูนย์ฯ และค้นพบว่าผู้ก่อการร้ายบางพวกก็ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้
และเธอจะต้องต่อสู้กับสิ่งต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะความจริงเบื้องหลังเป้าหมายชาตินิยมแบบสุดโต่งของกองทัพ แต่ยังต้องต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดในการเผชิญหน้ากับปิศาจ ทั้งในคราบมนุษย์และไม่ใช่มนุษย์
ที่สำคัญเลยสำหรับเรื่องนี่้เป็นผลงานจากผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Insidious, Get Out และ Udta Punjab แค่ได้ยินชื่อผู้สร้างก็อาจการันตีความหลอนได้พอสมควร
รีวิว Ghoul บทสรุป
GHOUL มีทั้งหมด 3 ตอนด้วยกันตอนละประมาณ 1 ชั่วโมง ในตอนแรกอาจเอื่อยๆเนือยๆไปนิดเพราะว่าจะต้องปูเรื่องถึงที่มาที่ไปของตัวปีศาจและตัวละครหลัก แต่ 2 ตอนหลังถือว่าเดือดๆเอาเรื่องเพราะเป็นการต่อสู้ระหว่างคนกับปีศาจ ลุ้นมากอะไรยังไงวะไปกับตัวละคร บรรยากาศในตัวซีรีส์ทำออกมาได้ดีมาก ดูรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าไว้วางใจสักอย่าง
สถานสอบปากคำถูกออกแบบมาให้ไม่มีหน้าต่างเพื่อที่จะได้ไม่รู้เวลา หลังๆดำเนินเรื่องเร็วดี
พอเราดูซีรีส์จบแล้วถึงกับตั้งคำถามว่าตกลง “คน” หรือ “ปีศาจ” อันไหนน่ากลัวกว่ากัน พูดเยอะกว่านี้ไม่ได้เดี๋ยวหาว่าสปอยล์ เอาเป็นว่าไปดูพร้อมกันใน Netflix ดีกว่า !!! เรื่องนี้ให้ 8/10 เลย
นักแสดงนำ: Radhika Apte, Rohit Pathak, Bajrangbali Singh
จำนวนตอน: ซีซัน 1 จำนวน 3 ตอน
ปี: 2018
แนว/ประเภท: Horror
ประเทศ: อินเดีย